LV The Place Bangkok

คอนเซ็ปต์สโตรแบบใหม่ที่แรกของโลก

By W Editor
20.03.2567
427

Louis Vuitton (หลุยส์ วิตตอง) พาคุณออกเดินทางสู่ ‘LV The Place Bangkok’ ณ ศูนย์การค้าเกษรอัมรินทร์ จุดหมายแห่งใหม่ล่าสุดที่รวมคอนเซ็ปต์ครบทุกประสบการณ์ภายในพื้นที่เดียวกัน ตั้งแต่งานนิทรรศการ คาเฟ่ รีเทลสโตร์ และร้านอาหารโดยเชฟชื่อดัง Gaggan Anand พร้อมทั้งดีไซน์สถาปัตยกรรมอันเป็นแรงบันดาลใจ และการตกแต่งอย่างสวยงาม ตลอดจนเมนูต่างๆ ที่รังสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษโดยเฉพาะ ที่พร้อมจะต้อนรับผู้มาเยือนเพื่อพาไปค้นพบจินตนาการอันไร้ขีดจำกัด และความคิดสร้างสรรค์ในโลกของหลุยส์ วิตตอง - - ซึ่งนี่คือ คอนเซ็ปต์สโตร์ที่แรกของโลก

LV The Place ครอบคลุมพื้นที่สองชั้นภายในอาคารบนทำเลอันล้ำค่าใจกลางกรุงเทพฯ และยังได้สร้างสรรค์ความงดงามผ่านจินตนาการของแสงออร่าอันเปล่งประกายจากมุมตึก โดยด้านนอกตกแต่งด้วยประติมากรรมรูปทรงเพชรขนาดใหญ่ที่ส่องแสงยามค่ำคืน ส่วนด้านในได้รวบรวมหลากหลายรูปแบบประสบการณ์ ทั้งรีเทล อาหาร และเรื่องราวของวัฒนธรรม

ชั้นล่างจัดแสดงเรื่องราวการเดินทางแห่งวิสัยทัศน์ ภายใต้ชื่อ Visionary Journeys นิทรรศการใหม่ที่จะพาคุณไปสัมผัสมรดกล้ำค่าอันเป็นที่มาของเมซง ซึ่งไม่เคยแสดงที่ใดมาก่อน ด้วยผลงานการออกแบบของบริษัทสถาปนิกที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่าง OMA และ Partner Shohei Shigematsu นับเป็นการทำงานร่วมในฐานะพันธมิตรครั้งแรกระหว่าง OMA และหลุยส์ วิตตอง โดยนำจินตนาการของเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมมาถ่ายทอดในคอนเซ็ปต์ใหม่ให้กับงานนิทรรศการ Visionary Journeys  นำเสนอห้องต่างๆ ที่ถูกแบ่งเป็นธีมชัดเจนในรูปแบบแตกต่างกัน โดยผสมผสานเรื่องราวบริบทใหม่ ทั้งประวัติศาสตร์ และชิ้นงานร่วมสมัย เพื่อเชิญชวนผู้มาเยือนให้ดื่มด่ำไปกับหัวใจหลักในความเชี่ยวชาญงานฝีมือ นวัตกรรม การเดินทาง และความคิดสร้างสรรค์

 

Trunkscape คือจุดเริ่มต้นแห่งการเดินทางที่นำทรังก์ 96 ใบมาเรียงต่อกันราวกับอุโมงค์ทางเดินที่ทอดยาวไปสู่เรื่องราวของงานฝีมือและนวัตกรรม ห้องแรกคือการนำเสนอภายใต้ธีม Origins ซึ่งมีไฮไลท์ที่การอุทิศให้กับเรื่องราวของตระกูลวิตตอง โดยจัดเป็นแท่นแสดงคลังเก็บเรื่องราวที่อยู่รอบด้าน และชิ้นงานที่เป็นแรงบันดาลใจ รวมทั้งดีไซน์ต่างๆ ในยุคแรก อักทั้งรูปแบบของทรังก์ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 ยังแสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญในการผลิตทรังก์บรรจุสิ่งของต่างๆ ส่วนตัวอย่างของโมโนแกรมแคนวาสหลากหลายรูปแบบที่พัฒนามาหลายทศวรรษนั้นบ่งบอกถึงความต่อเนื่องและนวัตกรรมของแบรนด์อันไม่หยุดนิ่ง ห้องต่อมา Iconic Bags จัดแสดงการเฉลิมฉลอง 25 ปี ในประวัติศาสตร์แฟชั่นของหลุยส์ วิตตอง ถ่ายทอดเรื่องราวของดีไซน์กระเป๋าไอคอนิกทั้ง 5 รุ่น (Alma, Keepall, Speedy, Noé และ Petite Malle) ซึ่งนำกลับมาตีความใหม่โดยผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ ตั้งแต่มาร์ค จาคอบส์, คิม โจนส์, นิโกลาส์ เฌสกิเยร์, เวอร์จิล อาโบลห์ และฟาเรลล์ วิลเลียมส์ ที่แสดงวิสัยทัศน์ความก้าวล้ำของสไตล์และความเชี่ยวชาญด้านงานฝีมือ ด้วยรูปทรงและเอกลักษณ์ของกระเป๋าไอคอนิกซึ่งมีความสำคัญต่อเมซงที่ถูกนำเสนอผ่านกระเป๋า 21 ใบ พร้อมเสื้อผ้า 2 ลุค จัดแสดงภายในลูกบอลอะคริลิกใสทรงกลม 19 ลูก  เพื่อขับเน้นให้เห็นวิสัยทัศน์บนผลงานของดีไซเนอร์ต่างๆ อย่างชัดเจน ส่วนห้องสุดท้าย Collaborations พาไปค้นพบการผสานความร่วมมือกับเหล่าศิลปินที่รังสรรค์ให้เกิดผลงานกระเป๋าที่ได้รับความนิยมและเป็นที่จดจำสูงสุด จากการตีความของสตีเฟน สเปราส์, ริชาร์ด ปรินซ์, ทากาชิ มุราคามิ หรือยาโยอิ คุซามะ โดยนำผลงานดั้งเดิมทั้ง 7 ชิ้น มาเป็นตัวแทนสะท้อนความร่วมมือและศักยภาพอันไร้ขีดจำกัด ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นจอสกรีนแอนิเมชั่นครึ่งวงกลมฉายแพทเทิร์นงานของศิลปินแต่ละคนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวลงบนฉากหลังซึ่งเป็นกระเป๋าชุบโครมจำนวน 184 ใบ นอกจากนี้ผู้มาร่วมชมงานนิทรรศการจะได้พบกับห้อง Giveaway Room ที่ชวนทำกิจกรรมเพื่อรับของที่ระลึกเป็นการขอบคุณในการเข้าชม

สำหรับ Le Café Louis Vuitton (ที่แรกในโลก) ตั้งอยู่บริเวณชั้นล่าง ตกแต่งในบรรยากาศอันรื่นรมย์ ผสมผสานดีไซน์องค์ประกอบของพืชพรรณธรรมชาติสไตล์ Tropical และดีเทลทันสมัยของเมซง ตั้งแต่พื้นปาร์เก้ไม้ที่ปูเป็นลวดลายโมโนแกรม ไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ในดีไซน์ที่ตีความจาก Objets Nomades

และเป็นคาเฟ่แห่งแรกที่หลุยส์ วิตตอง ได้พัฒนาสูตรขนมเอง นำเสนอซีเลกชันเมนูขนมที่พิถีพิถัน ตั้งแต่เค้ก ทาร์ต พาร์เฟต์ และไอศกรีมแซนด์วิชหลากหลายรสชาติ พร้อมทั้งตกแต่งรายละเอียดอันเป็นเอกลักษณ์ของหลุยส์ วิตตอง ด้วยขนมที่รังสรรค์ขึ้นพิเศษอย่าง เช่น Star Blossom Cake เค้กชอคโกแลตรสละมุนผสมผสานคาราเมลเข้มข้น  Monogram Cake เค้กพิสตาชิโอที่ได้ความหอมอ่อนๆ ของกลิ่นส้ม และ Mango Sticky Rice Fizz เครื่องดื่มเย็นสดชื่นที่ได้แรงบันดาลใจจากข้าวเหนียวมะม่วงของไทย โดยใช้น้ำเชื่อมสกัดรสชาติจากข้าวเหนียวมะม่วงมาผสมกับน้ำโทนิคโซดา โดยการตกแต่งภายในโซนนี้สะท้อนเอกลักษณ์ภูมิอากาศของแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ที่ใช้วัสดุจากธรรมชาติ เช่น ไม้ หวาย และต้นไม้ โดยมีจุดเด่นตรงกลางคือ pièce de resistance เคาน์เตอร์โค้งมนที่ตั้งโชว์ซีเลกชันขนมอันสวยงามน่ารับประทาน ให้ลูกค้าสามารถเลือกสรรได้ตามอัธยาศัย

รีเทลสโตร์ภายใน LV The Place Bangkok เป็นการผสมผสานดีไซน์โก้หรูเข้ากับการตกแต่งที่มีชีวิตชีวา ครอบคลุมพื้นที่ชั้นบนสุด เพื่อมอบประสบการณ์ชอปปิ้งอันพิเศษและร่วมสมัย ท่ามกลางการจัดวางเฟอร์นิเจอร์วินเทจ และผลงานศิลป์สีสันสะดุดตา คือความตั้งใจในการจัดแบ่งพื้นที่ระหว่างคอลเลกชั่นสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษให้กลมกลืนไปด้วยกัน โดยคำนึงถึงลูกค้าที่ต้องการสัมผัสงานดีไซน์อันเป็นเลิศเหนือสิ่งอื่นใด นอกจากนี้สำหรับผู้ที่ต้องการสรรหาความเอ็กซ์คลูซีฟ

ร้านแห่งนี้ยังนำเสนอกระเป๋ารุ่น Alma Nano Rainbow ใน 5 โทนสี เช่นเดียวกับเสื้อทีเชิ้ตในคอลเลกชั่นสุภาพสตรี Cruise 2024 ใน 4 โทนสี และรองเท้าสนีคเกอร์สุภาพบุรุษ LV Trainer Upcycling ที่มีดีไซน์เอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร โดยจะวางจำหน่ายเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะที่นี่เพียงแห่งเดียวในโลก ส่วนการรังสรรค์รูปแบบเฉพาะตัวบนผลิตภัณฑ์ มีบริการประทับลวดลาย นอกจากนี้ยังมีมาสคอตของเมซงโดยตั้งชื่อพิเศษว่า “Nong Vivienne” (เพื่อสื่อความหมายของคำว่าน้องในภาษาไทย ที่ใช้เรียกผู้ที่อายุน้อยกว่า แฝงความน่ารักอ่อนน้อมในแบบคนไทย) ที่ดีไซน์ขึ้นใหม่เพื่อต้อนรับการเปิดตัวร้านแห่งนี้

Gaggan at Louis Vuitton ตั้งอยู่บนชั้นสองของคอนเซ็ปต์สโตร์แห่งนี้ นับเป็นร้านอาหารร้านแรกของเมซงในภูมิภาคเอเชียใต้ โดยมีเชฟผู้มีชื่อเสียงโด่งดังอย่าง Gaggan Anand มาสร้างสรรค์ประสบการณ์ในการรับประทานอาหาร ทั้งมื้อกลางวันและมื้อเย็น

การเดินทางแห่งประสบการณ์อาหาร เริ่มต้นจากทางเข้าซึ่งต้อนรับด้วยทรังก์อันเป็นสัญลักษณ์เรียงต่อกันเป็นรูปปิระมิด ก่อนจะนำไปสู่ห้องโถงตกแต่งผนังด้วยแท่งเรซินดีไซน์โดย Draga & Aurel โคมไฟดอกไม้โมโนแกรม และเชือกขึงตกแต่ง ร้านอาหารแบบไฟน์ไดนิ่งใช้โต๊ะรับประทานอาหารทำด้วยหินอ่อนจากอิตาลี สามารถรองรับแขกได้ 10 โต๊ะ พร้อมทั้งนำเสนอเมนูประจำ  ซีซั่นที่รังสรรค์พิเศษให้กับหลุยส์ วิตตอง ภายใต้คอนเซ็ปต์ 5 S ได้แก่ Sweet, Sour, Salty, Spicy และ Surprise ตั้งแต่เมนูล็อบสเตอร์กับซอสที่ได้แรงบันดาลใจจากรสชาติแบบไทย ไปจนถึงสูตรเมนูเห็ดในแผ่นแป้งที่มีแรงบันดาลใจมาจากแพทเทิร์น Damier โดยส่วนผสมแต่ละชนิดจะเป็นดาวเด่นที่นำเสนอผ่านเมนูในแต่ละจาน นอกจากนี้สำหรับลูกค้าที่ต้องการประสบการณ์อาหารสุดเอ็กซ์คลูซีฟยังสามารถจองห้องส่วนตัว พร้อมทั้งชื่นชมศิลปะแห่งการทำอาหารได้อย่างใกล้ชิด

LV The Place Bangkok 

ศูนย์การค้าเกษรอัมรินทร์ ชั้น G - ชั้นโทร. 1800-01-1112

เวลาเปิดทำการ : 

Le Café: 10:00 . - 20:00 .

Exhibition: 10:00 . – 20:00 .

Retail: 10:00 . – 20:00 .

Restaurant: 12:00 . – 23:00 . (ปิดวันอังคารและวันพุธ)

TAGS : -