Please reuse me!!

How to รับมือเครื่องสำอางใกล้หมดอายุ

By Sassy Big Mouth
17.01.2566
30

5 4 3 2 1 กด CF ของทันก่อนใครทุกชิ้น คว้าทุกชัยชนะร้านค้าเครื่องสำอางออนไลน์ รู้ตัวอีกทีเยอะจนไม่มีที่วางหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง กลายเป็นคลังสมบัติที่ไม่รู้จะจัดการยังไงดี

โอเคถ้าเป็นสถานการณ์ปกติก็คงคิดว่าจะสลับใช้ทุกอันในทุกวันจะได้ไม่เสียของ แต่! มาจนถึงตอนนี้ อยู่บ้านยาวมาเป็นช่วงๆ เกือบจะสองปีแล้ว บางคนไม่ค่อยได้ออกไปไหน เต็มที่ก็ได้เจอแค่แมวที่เลี้ยงไว้ เอาไงล่ะทีนี้ เครื่องสำอางที่ซื้อมาตั้งแต่ปีที่แล้วใกล้หมดอายุเข้าไปทุกที หลายชิ้นก็ไม่น่าจะพ้นช่วงนี้ ต้องหาวิธีจัดการ

ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในสมองก็คือ เอาไปบริจาคให้มูลนิธิหรือกลุ่มคนที่สามารถนำเอาไปต่อยอดประโยชน์ได้ดีกว่า จริง ๆ พอไปค้นข้อมูลก็เจอหลายที่ เช่น เพจที่ขอรับบริจาคเครื่องสำอางหมดอายุไปแต่งหน้าให้ผู้ที่เสียชีวิตไปแล้วในงานศพ หรือกลุ่มคนที่ช่วยแต่งหน้าให้เด็กนักเรียนอยู่ในพื้นที่ห่างไกลบนภูเขาในช่วงที่ต้องมีการแสดงประจำปีของโรงเรียน น้อง ๆ จะได้มีโอกาสเรียนเทคนิคแต่งหน้าโดยครูอาสา มีเครื่องสำอางใช้ในงานศิลปะต่าง ๆ ได้อีกด้วย  หรือนักเรียนนาฏศิลป์มีหลายแห่งที่เปิดรับบริจาค แต่ถึงอย่างนั้นจะส่งให้ทั้งหมดที่ CF มาก็แอบเยอะไปนิดหนึ่ง เพราะบางอย่างก็ซื้อมาซ้ำแบบเดิมสีเดิม เฉดเดิม รู้นะว่าหมายถึงอะไร ฮ่า ๆ

โอเคงั้นลองมาดูทางอื่น ๆ ว่ามีอะไรกันบ้างที่เราจะสามารถหาวิธีเหมาะสมให้กับทั้งน้อง ลิปสติก อายแชโดว์ บลัชออน สกินแคร์ และอีกมากมาย

ถ้าเป็นในกลุ่มกระปุกแป้ง หรือขวดครีม แนะนำให้ไปทาง DIY ขูดแป้งทิ้งได้เลยเพราะไม่สามารถใช้ต่อได้ ส่วนครีมสามารถนำไปใช้ขัดทำความสะอาดพวกเครื่องเงินได้อยู่บ้างแต่ในส่วนของแพคเกจให้นำไปแปรรูปได้ เช่น กระปุกแป้งเป็นที่ใส่เครื่องประดับเก๋ ๆ วางแหวน สร้อยคอได้พอดี หรือทำเป็นที่ใส่ก้านต้นไม้ ใบไม้น่ารัก ๆ ไปวางที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งหรือในห้องน้ำ อันนี้ลองมาแล้วเวิร์กมาก เป็นแนวมินิมอล ถ่ายรูปออกมาไม่โป๊ะ แถมไม่มีใครดูออกว่ามาจากขวดแก้วสกินแคร์ที่ใช้หมดแล้ว

ต่อมาในส่วนของอายแชโดว์สำหรับคนที่มีหนึ่งหน้าแต่ CF พาเลตต์ไปแล้ว 10 ขอให้ไปในเวย์บำบัดด้วยศิลปะไปเลย ทำให้จิตใจสงบ มีสติ สมาธิจดจ่อมากขึ้น ไม่หุนหันพลันแล่นทำอะไรไปแบบไม่ทันยับยั้งชั่งใจอีก เพราะสีทาตาสามารถนำมาประยุกต์เป็นสีน้ำได้ด้วยขั้นตอนที่ง่ายสุดคือน้ำไปผสมกับสีน้ำสีขาว ก็พร้อมใช้ได้เลย ยิ่งใครที่ชอบซื้ออายแชโดว์แบบมีชิมเมอร์บอกเลยว่าผลลัพธ์สีที่ได้มาคือปังมาก มันจะเป็นแบบสีวิบวับจากชิมเมอร์สวยงามตามที่ควรจะเป็น

และถ้ายังว้าวไม่พอ รู้ไหมคะว่าอายแชโดว์เอามาทำเป็นน้ำยาทาเล็บได้...งงไปเลย เพราะวิธีการคือเอาสีทาตาที่เราเลือกมาผสมกับ ที่ทาเล็บสีใส ยี่ห้ออะไรก็ได้ จากนั้นใช้ไม้จิ้มฟันคนให้เข้ากัน แค่นี้ก็เป็น ‘สีตาเล็บ’ สีใหม่ที่เราทำเองกับมือได้เลย แถมสีติดทนตามยาทาเล็บสีใสที่เราเลือกมาใช้เลยทีเดียว

มาถึงตำนานตัวท้อปมีจำนวนเยอะที่สุดในบรรดาทุกชิ้นที่สาว ๆ ซื้อมา นั่นก็คือ ลิปสติก มีกี่แท่งก็ไม่เคยพอ ซึ่งวันนี้ไปเจอความลับมาอย่างหนึ่งที่เราจะเอาไว้ใช้เถียงได้ไปอีกนานว่า คนเราจะมีลิปสติกกี่แท่งก็ได้เพราะมันใช้ได้นานกว่าที่คิด ความจริงคือสามารถนำลิปสติกที่หมดอายุแล้วมาแปรรูปเป็นลิปบาล์มและใช้งานต่อได้ โดยละลายลิปสติกผ่านความร้อนเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียสะสมก่อน แล้วผสมปิโตรเลียมเจลลี่ลงไป ก่อนบรรจุลงในตลับเล็ก ๆ ปิดฝาให้มิดชิด เท่านี้เราก็ได้ลิปบาล์มสีใหม่เอี่ยมมาใช้ โดยไม่ต้องรู้สึกเสียดายของแล้ว

คิดว่าแนวทางประมาณนี้น่าจะพอเป็ดไกด์ไลน์ทางออกให้สาว ๆ เลือกไปปรับใช้กับตัวเองได้แล้ว แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่เรื่องที่เราจะจัดการกับเครื่องสำอางเหล่านี้ยังไง แต่เป็นเรื่องที่เราต้อง CF ของอย่างมีสติมากกว่า เพราะบทเรียนที่เราต้องเรียนรู้คือเครื่องสำอางมันก็เซลอยู่ตลอดเวลาทั้งปี ทุกปีแหละ ดังนั้นเราสามารถเลือกจังหวะลดราคาที่เหมาะสมกับเราได้ ต้องลองสร้างเงื่อนไขให้ตัวเองว่า จะหยุด หรือ จะลด ในการซื้อเครื่องสำอางมาถมที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งไปเรื่อย ๆ แบบนี้ เช่น กำหนดว่าจะใช้ของให้หมดเป็นอย่าง ๆ พวกกลุ่มแป้ง รองพื้น ที่สามารถใช้ได้ทีละชิ้น ส่วนพวกลิปสติกที่ซื้อเท่าไหร่ก็ไม่พอให้ลองจำกัดจำนวนต่อเดือนดู เช่น เดือนนี้ซื้อได้  1 ชิ้น หรือตั้งกฎห้ามซื้อสีซ้ำก็ช่วยได้เยอะเหมือนกัน

วิธีการเหล่านี้ นอกจากจะช่วยประหยัดเงินแล้ว ยังช่วยเรื่องลดขยะให้กับโลกด้วยนะคะ เพราะผู้หญิงยุคใหม่นอกจากความสวยแล้ว ต้องฉลาด รักษ์โลกด้วย ถึงจะได้เลื่อนขั้นประดับพุ่มทองความปัง 

 

ฝากไว้ให้คิสส… เครื่องสำอางจะมีกี่ชิ้นก็ได้ แต่ต้องเรียนรู้ที่จะปล่อยได้ด้วย

TAGS : -