Foundation / BB Cream / Tinted Moisturizer
จำเป็นต้องซื้อทั้งหมดไหม?
What do you really want? - - เคยสงสัยไหมว่ารองพื้น กับ BB ต่างกันยังไง
เพราะในเมื่อบีบออกมาใช้มันก็มีสีเป็นเบสผิวเหมือนกันทั้งหมด แล้วไหนจะผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่า Tinted Moisturizer อีกล่ะ
เราต้องมีทั้งหมดไว้ในกระเป๋าเครื่องสำอางเลยไหม? หรือว่ามีชิ้นเดียวพอ? แล้วจริงๆ ผลิตภัณฑ์สำหรับลงผิวพวกนี้มันเหมือนหรือต่างกันยังไง?
ลองมาวิเคราะห์ไปทีละชิ้นเลยแล้วกัน จะได้รู้ว่าอันไหนที่เราควรมีติดเมกอัพเคสไว้ หรือบางทีเราอาจจะไม่ต้องการมันเลยก็ได้!
Foundation
นี่คือเบสิกของการเมกอัพที่ผู้หญิงทุกคนรู้จักกันมานานแต่เอาจริงๆแล้วเรามักจะเห็นรองพื้นในหลายๆฟอร์มไม่ว่าจะเป็นแบบผสมแป้งหรือรองพื้นแบบน้ำทั่วไป
แต่หน้าที่หลักๆของรองพื้นเลยคือการปกปิดจุดบกพร่องของผิวทั้งหมด (รวมไปถึงสีผิวจริงของเราด้วยในบางที)
Coverage : ระดับความปกปิดอยู่ในจุดที่สูงที่สุดในบรรดาเมกอัพสำหรับผิว
When to use foundation : ในวันที่เรารู้สึกว่า โอ๊ย!! ปัญหาผิวเยอะเหลือเกิน รอยดำตรงนั้น รอยแดงตรงนี้ เต็มไปหมด แต่ยังคงต้องการผิวที่ดูสวยเดิมๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังไงสิ่งที่ควรจะหยิบมาใช้ก็ยังคงต้องเป็นรองพื้นเสมอ
What’s the difference : ถ้าเทียบกับ BB Cream และ Tinted Moisturizer แล้ว รองพื้นจะถูกดีไซน์มาให้ปกปิดจุดบกพร่องบนผิวโดยเฉพาะ แต่ก็จะมากับเท็กซ์เจอร์และความรู้สึกที่หนักกว่าผลิตภัณฑ์สองตัวที่เหลือ
BB Cream
ก่อนอื่นเลยตัวอักษรย่อ BB นี่ย่อมาจากคำว่า Blemish Balm แปลง่ายๆก็คือผลิตภัณฑ์ที่ช่วยรักษาจุดบกพร่องบนผิวเพราะฉะนั้นถ้าขึ้นต้นว่าบีบีแล้วมันจะต้องไม่ได้มีหน้าที่แค่ปกปิดจุดบกพร่องหรือปรับสีผิวเท่านั้นแต่จะต้องมีคุณสมบัติในการบำรุงด้วยไม่ว่าจะเป็นสารที่ช่วยเพิ่มความฉ่ำน้ำ, ผสม SPF หรืออะไรก็ตาม
Coverage : ระดับความปกปิดอยู่จะอยู่ตรงกลางระหว่าง Foundation กับ Tinted Moisturizer
When to use BB Cream : ในวันที่เรารู้สึกว่าผิวเราเริ่มจะมีปัญหา สิว รอยแดง แห้ง ลอก และทุกสิ่งอย่างที่ทำให้เรารู้สึกว่าวันนี้ไม่อยากลงอะไรหนักๆ ลงไปบนผิว แต่ก็ยังอยากให้ริ้วรอยบนผิวดูจางลงหน่อยๆ BB Cream น่าจะตอบโจทย์ รวมถึงในวันที่เรารีบๆ BB Cream ก็ยังเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะมันเป็นได้ทั้งรองพื้นแบบบางๆ รวมถึงครีมบำรุงไปในตัวเลย
What’s the difference : เมื่อเทียบกับ Foundation และ Tinted Moisturizer แล้ว BB Cream เหมือนเป็นกึ่งกลางระหว่างสองชิ้นนี้ เพราะถูกดีไซน์มาให้ปกปิดอยู่แต่ไม่เทียบเท่ารองพื้น แต่ในขณะเดียวกันก็มีส่วนผสมในการบำรุงผิวอยู่ด้วย
Tinted Moisturizer
ขอแปลง่ายๆ แบบทับศัพท์เลย ว่ามันคือครีมบำรุงผิวอย่างนึง แต่… แค่มีเม็ดสีมาเจือปน เพราะฉะนั้นหน้าที่หลักๆ ของ Tinted Moisturizer ไม่ใช่การปรับสีผิว แต่เป็นการบำรุงผิวล้วนๆ ซึ่งเม็ดสีที่ผสมมานั้นก็อาจจะช่วยแค่ให้สีผิวดูสม่ำเสมอขึ้น หรือไม่ก็ทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้นมาเบาๆ เท่านั้นเอง
Coverage : บางมาก บางจนเกือบจะไม่สามารถปกปิดอะไรบนผิวได้เลยก็แล้วกัน
When to use Tinted Moisturizer : บางคนก็ใช้ Tinted Moisturizer เพื่อเป็นเบสให้กับผิวก่อนจะลงรองพื้น แต่สำหรับคนที่มีปัญหาผิวน้อย น้อยมากจนถึงไม่มีเลย แล้วอยากได้ผิวโกลว์ๆ ใสๆ ก็สามารถลงแค่ชิ้นนี้ชิ้นเดียวแล้วออกจากบ้านในวันชิลล์ๆ ได้เลย
What’s the difference : เมื่อเทียบกับ Foundation และ BB Cream แล้ว เรื่องแรกที่ต้องพูดถึงเลยคือความเบา ไม่มีเมกอัพสำหรับผิวหน้าชิ้นไหนบางเท่านี้แล้ว แต่ก็แลกมากับเม็ดสีที่อ่อนและไม่สามารถปกปิดจุดบกพร่องได้เหมือนอีกสองชิ้นที่ยกมาเทียบกัน
หวังว่าโพสต์นี้จะทำให้หลายๆคนเก็ทมากขึ้นว่าตัวเองเหมาะกับการใช้ผลิตภัณฑ์ลงผิวแบบไหน
หรือว่าใครจะอยากมีทั้งหมดเก็บไว้เราก็ไม่ติดอะไรเพราะบางทีเราอาจจะอยากเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับสภาพผิวในแต่ละวันก็ได้